fbpx

1.แผงโซล่าเซลล์ 2แผงต่อ 1optimizer โดยต่ออนุกรมรวมมาเป็น 1 สตริง (เป็นไฟ DC) รวม 3string เข้ามายัง 1 inverter

2.ใช้Solaredge Inverter ขนาด 27.6 kw. จำนวน 8 set

3.ออกจากอินเวอร์เตอร์ ก็เป็นไฟ AC มาเข้าตู้ SMDB (Solar Main Distribution Board) โดยแต่สายไฟAC แต่ละตัวอินเวอร์เตอร์ ก็จะมีเมนเบรคเกอร์ แต่ละตัว แล้วในตู้ SMDB ก็จะมีบัสบาร์ สำหรับรวมสาย แต่ละเบรคเกอร์ย่อย เข้า เมนเบรคเกร์ใหญ่ (รวม8inverter)

 

 

3.ออกจากอินเวอร์เตอร์ ก็เป็นไฟ AC มาเข้าตู้ SMDB (Solar Main Distribution Board) โดยแต่สายไฟAC แต่ละตัวอินเวอร์เตอร์ ก็จะมีเมนเบรคเกอร์ แต่ละตัว

แล้วในตู้ SMDB ก็จะมีบัสบาร์ สำหรับรวมสาย แต่ละเบรคเกอร์ย่อย เข้า เมนเบรคเกร์ใหญ่ (รวม8inverter)

 

4.ติดตั้งหม้อแปลงไฟฟ้า ใหม่ สำหรับรองรับไฟฟ้าจากโซล่าเซลล์โดยเฉพาะ

***ตู้ MDB ที่ใกล้สุด จะเป็น แรงดัน 6.9 kv. สำหรับจ่ายไฟไปยังมอเตอร์ขยุม บีบอัดเหล็กรีไซเคิ้ล ซึ่งไม่มีจุดเชื่อมต่อ 400 V สำหรับไฟโซล่าเซลล์ (จากอินเวอร์เตอร์)
เนื่องจาก ตู้ MDB แรงดัน 400 V.ของโรงงาน อยู่ไกล 5-600 เมตร หากจะเดินสายไฟแรงต่ำไปหา ทำให้ต้นทุนค่าสายไฟสูงมาก เลยใช้วิธีการตั้งหม้อแปลง

สเต็ปอัพ (Step Up)แรงดันขึ้นไปเป็น 22 kv. แล้ว กำลังไฟฟ้าจากโซล่า ก็จะไปกระจายไปยังหม้อแปลงอื่นๆ แล้วสเต็ปดาวน์(Step Down) แรงดันลง เหลือ 400 V. จ่ายไปยังโหลดอื่นๆ ในโรงงานต่อไป

 

5.จุดเชื่อมต่อจากหม้อแปลงไฟฟ้า มาเข้ายังสายไฟแรงสูง 22 kv. ในโรงงาน ซึ่งในโรงงาน มีหม้อแปลง มากกว่า 10 ลูก โดยหม้อแปลงแต่ละลูก ก็อยู่กระจายไปในโรงงาน ที่มีพื้นที่ ยาวมาก ซึ่งสายไฟแรงสูง ของโรงงาน ก็กระจายไปถึง

 

6.คล้อง PT 3เฟส แรงสูง 22 kv. และ คล้อง CT แรงสูง 22 kv. Class 0.5 เพื่อ
     6.1 ส่งสัญญาณไฟฟ้า ไปยัง Power / Energy Meter ใช้ UMG104 แปลงสัญาณไฟฟ้าเป็นดิจิตอล (RS485) ไปยังตัว zero export ของSolaredge inverter
     6.2 ส่งสัญญาณไฟฟ้า ไปยัง Power Quality Meter (PQM) วัดคุณภาพสัญญาณไฟฟ้า ตามที่ กฟภ. กำหนด

 

7. Janitza UMG104 เป็นตัวรับสัญาณไฟฟ้า เป็นดิจิตอล ส่งไปยัง CCG

 

8. PQM วัดคุณภาพสัญญาณไฟฟ้า ตามที่ กฟภ. กำหนด >>> ถ้าติดตั้งInverter ขนาดตั้งแต่ 250 kW. ต้องติด PQM

 

9. CCG : Control and Communication Gateway ของ Solaredge เป็นตัวรวมสัญญาณต่างๆ เช่น จากมิเตอร์ , สัญาณจากเซ็นเซอร์ วัดอุณหภูมิ , ความเข้มแสง และ ส่งค่าต่างๆออกอินเตอร์เน็ต ขึ้น Cloud

อีกทั้งช่วงแรกๆของ SolarEdge ตอนนั้น CCG ทำหน้าที่หรี่กำลังการผลิตด้วย แต่ปัจจุบันนี้ ตัวอินเวอร์เตอร์จะเป็นตัวsหรี่ หรือ Export control เอง

***ยกเว้นกรณีที่คล้อง ct แรงต่ำ ต้องใช้ watt node เป็นตัว Export control ***

 

10. Relay Protection ยี่ห้อ Siemens ไซท์นี้แปลกๆ เพราะ จริงๆแล้ว เราคล้อง CT แรงสูงแบบ 2core แล้วเราต้องเอาสัญญาณ จากct แรงสูงมาเข้า relayเลย แต่เคสนี้ กฟภ.อยากให้ตัวrelay มาอยู่ในห้อง (indoor) ก็เลยต้องคล้องctแรงต่ำอีกชุดนึง แต่ไม่เปิดฟังก์ชั่น Realy32(กำลังไฟฟ้าไหลออก) ให้ไปใช้การหรี่จาก Zero export ของ CCGแทน

 

11. หม้อแปลงของโหลดในโรงงานลูกอื่นๆ ก็จะได้รับกำลังไฟฟ้า จากโซล่าเซลล์

==============================================

แต่หาก มองย้อนกลับไป แล้ว  ถ้าโทรไปหาตัวเองในอดีต เมื่อ 6-7ปี ที่แล้ว จะบอกกับตัวเองว่า...

 

1.ทำสัญญาติดตั้ง งานโครงการ ที่ต้องใช้เงินทุน เป็นหลักหลายๆแสน หรือล้านบาท ขึ้นไป ต้องขอเบิกงวดงานถี่ๆ หน่อย
อย่างน้อย สัก 4งวดขึ้นไป ไม่งั้น smeเล็กๆอย่างเราจะขาด cash flow *ช่วงหลังๆนี้ 6งวด เป็นอย่างต่ำล่ะ*
.
2. ติดตั้งแล้วเสร็จ ต้องไม่รวมใบอนุญาต จากหน่วยงานราชการ ต้องหมายถึง การทดสอบเชื่อมขนานไฟได้ อันนี้ต้องเคลียร์กับ Owner ให้เข้าใจตรงกันก่อน
เพราะใบอนุญาต จากราชการ เรากำหนดเวลาไม่ได้ ว่าจะได้เมื่อใด อย่าน้อย 1ปี ขึ้นไป
.
3. ใบอนุญาตฯครบ ควรเหลือเงินงวด ไม่เกิน 10% เพราะ ต้องทำใจไว้เลย ไม่น้อยกว่า 1 ปี ที่กว่าจะได้ใบอนุญาตครับ
**เคยพลาดที่ในสัญญาต้องเสร็จสมบูรณ์ เหลืออีกตั้ง 35% จึงจะเบิกได้
(เพราะคำว่าเสร็จสมบูรณ์ ของ Owner คือรวมใบอนุญาต ด้วย ซึ่งเราก็ไม่รู้และไม่เถียงตั้งแต่ก่อนเริ่มงาน )
เลยต้องหาเงินกู้นอกระบบ มาจ่ายให้ Supplier **
.
4. CT จะมี 2 class หรือ 2ความละเอียด สำหรับนำมาใช้งาน คือ
   4.1 สำหรับงาน Monitoring/Metering (สำหรับ Zero export ) ความละเอียดไม่มากนัก (ราคาถูกหน่อย ) โดยงานโซล่า จะใช้ Class 0.5
   4.2 สำหรับงาน Protection (สำหรับ Relay) ความละเอียดสูงกว่า (ราคาแพงกว่าคลาส มิเตอริ่ง) งานโซล่า ใช้ Class 5P20
.
5. กรณีที่คล้อง CT แรงสูง ในCT 1ตัว สามารถสั่งให้ผลิตเป็นแบบ 2Core ได้ มีทั้ง Metering และ Protection ซึ่งราคาก็จะแพงขึ้น ตัวละ 6 หมื่น ถึง 9หมื่น บาทต่อตัว
.
6. หากเราใช้แค่ Metering เราก็สั่งแค่ 1 core สำหรับMetering เท่านั้น ราคาจะถูกลง 3เท่า ซึ่งงานนี้เราใช้แค่ Metering แต่เราสั่ง 2core ทำให้ต้นทุนแพงขึ้นโดยใช่เหตุ โดยที่เราไม่รู้เลย
.
7. จริงๆ เราติดตั้ง อินเวอร์เตอร์ แค่ 220 kw. ซึ่งตามระเบียบ กฟภ. เราไม่ต้องติดตั้ง PQ meter (ตัวละ 120,000 บาท) ตอนนั้นเราไม่รู้นึกว่า เค้าคิดที่ ขนาดแผงโซล่าเซลล์ พอเสนอ Owner ไปแล้ว เลยต้องเลยตามเลย เปลี่ยนแปลงไม่ได้แล้ว
.
8.การสื่อสาร โปรโตคอล Modbus ระหว่างอุปกรณ์ ที่ติดต่อสื่อสารกัน ต้องตั้งค่าเป็น Master ฝั่งหนึ่ง อีกฝั่งต้องเป็น Slave เช่น CCG เป็น Master และ UMG104 เป็น Slave เป็นต้น
*ตอนนั้นไม่รู้เรื่องเลย งมหาสาเหตุที่มันติดต่อกันไม่ได้ ตั่ง 5-6วัน กว่าระบบจะขึ้น
.
9. ทะเลาะ กับ Owner เอ๊ยไม่ใช่ๆ ถก ปัญหา ข้อสงสัย หรือเรื่องอะไร ที่ Owner ไม่เข้าใจ หรือถกเถียงกันให้จบ ก่อน ที่จะได้รับงาน
*หากยังคาใจกันอยู่ แต่พอเรารับงานมาแล้วนี่ เรื่องยุ่งเลย เพราะปัญหามันจะตามมาอย่างมากมายก่ายกอง *
.
10. PQ meter เปลี่ยนไปใช้อีกยี่ห้อนึง เพราะยี่ห้อนี้จิ้มคอนฟิกที่หน้าตู้ไม่ได้ ต้องมีโปรแกรมเฉพาะ ผ่านคอมพิวเตอร์ ซึ่งยุ่งยาก แต่อีกยี่ห้อนึง ราคาพอๆกัน สามารถคอนฟิกที่หน้าตู้ได้
.
11. ติดตั้งหม้อแปลง จ้าง กฟภ. ก็ง่าย สะดวกดี แต่ราคาก็แพงโข ถ้าเป็นตอนนี้ เราซื้อหม้อแปลงเอง แล้วจ้างติดตั้ง ประหยัดได้เกือบครึ่งหนึ่งเลย
*แต่ก็อาจจะยุ่งเรื่องใบรับรองหม้อแปลงต่างๆ*
===============