fbpx

ในมาตรฐาน วสท. จะเขียนแนววิศวกรรม ในภาพรวมๆ เพราะเป็น Flow chart เช่น ถ้า Imax มากกว่า อันนี้ ต้องไปท่าโน้น ถ้าน้อยกว่า นี้ต้องเป็นพั๊นพรื๊อ ซึ่งคนธรรมดาอย่างเราๆอ่านแล้ว ก็ไม่ค่อยเข้าใจ

Huawei ผู้ผลิตอินเวอร์เตอร์ อ่านมาตรฐาน วสท. แล้วก็คงงง งวยฯ เหมือนกัน จึงได้ทำหนังสือถามไปยัง วสท. เพื่อขอคำแนะนำและคำชี้แจงในหัวข้อการป้องกันกระแสเกิน ใน PV สตริง
.
 
โดย วสท. ก็แจ้งหนังสือชี้แจง ดังกล่าวโดย อ้างถึงมาตรฐาน วสท. โดยแปลความสรุปแล้วว่า ใน 1 MPPT มีการต่อสตริง ไม่เกิน 2 สตริง ไม่ต้องใส่ อุปกรณ์ป้องกันกระแสเกิน PV สตริง (น่าจะมองว่า กระแสไม่มากจนเกินไป จนทำให้เกิดอันตราย ในระบบฯ)
 
สรุปในสรุป อินเวอร์เตอร์ ที่ผลิตมา ใน 1 MPPT มี Terminal ให้ต่อไม่เกิน 2 สตริง ก็ไม่ต้องใส่ DC Fuse หรือ DC เบรคเกอร์
ยกตัวอย่างเช่น
>>>Inverter Huawei ทุกขนาด ที่มีแค่ 2 สตริง ใน 1 MPPT ก็ไม่ต้องใส่ DC Fuse
.
>>> Inverter Sungrow ทุกขนาด ที่มีแค่ 2 สตริง ใน 1 MPPT ก็ไม่ต้องใส่ DC Fuse
.
>>> Inverter SolarEdge งานขนาดเล็ก งานบ้าน 5 , 10 kW ที่มีแค่ 2 สตริง ใน 1 MPPT ก็ไม่ต้องใส่ DC Fuse
.
>>> Inverter SolarEdge ที่ขนาดใหญ่กว่า 10 kw ที่มี 3 สตริง ใน 1 MPPT ต้องใส่ DC Fuse
เป็นต้น
 
 
 
อันนี้จากหนังสือมาตรฐาน วสท. แคป มาให้ดู ว่าเราจะแปลความหมายออกไม๊น๊อ
 
แต่ทำไม SolarHub จะใส่DC Fuse ทุกแห่ง และทุกยี่ห้ออินเวอร์เตอร์ ทั้งๆที่มีแค่ 2สตริง ใน 1 MPPT
ก็เพราะว่า ไม่ใส่ แล้วสายสตริง จะเข้าตรงไปยังตูดอินเวอร์เตอร์เลย (หัว MC4)
.
พอเราจะบำรุงรักษา หรือวัดค่าต่างๆ จะถอดออกยาก และอาจทำให้หลวม หากถอดบ่อยๆ
.
เราจึง ใส่ DC Fuse เพื่อเป็นจุดปลด วัดค่า หรือใช้ในการบำรุงรักษา ซึ่งก็เพิ่มต้นทุนมาอีกหน่อย แต่จะง่ายในการบำรุงรักษาในอนาคต ก็เท่านั้นเอง
.
หากข้อมูลที่เขียนไม่ถูกต้อง หรือ อ้างถึงหน่วยงานอื่นๆ หรือท่านใด ก็ต้องขออภัยด้วยนะครับ
หวังเพียงเป็นข้อมูล เพื่อมาขยายความศัพท์ทางวิศวกรรม ของ วสท. ให้เพื่อนช่าง เข้าใจแค่นั้นนะครับ